หลบหนีความวุ่นวายของกรุงเทพ
นั่งเล่นร้านกาแฟในยามเช้าดูเหมือนเป็นอะไรที่น่าสนุกสำหรับครอบครัวผม เราก็เลยแพ็คกระเป๋าและพาแอชเชอร์มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพไปที่พุทธมณฑลสาย 6 เราได้ยินเพื่อนพูดถึงร้าน After the rain อยู่เราก็เลยคิดว่าน่าจะไปรีวิวร้านกาแฟดูสักหน่อย After the rain หาค่อนข้างง่ายอยู่แต่เพราะว่ามันมีการก่อสร้างอยู่บนเส้นบรมราชชนนีก็เลยจะหาซอยทางเข้ายากอยู่บ้าง หลังจากเลี้ยวซ้ายเข้ามาที่พุทธมณฑลสาย 6 ร้านอยู่บนถนนเล็กๆด้านขวามือต้นๆซอย เราจอดรถและเดินขึ้นบันไดหน้าร้าน ยังไม่ทันก้าวพ้นจากบันไดก็มีพนักงานรีบมากล่าวต้อนรับเป็นอย่างดี ตอนเราไปถึงยังไม่มีลูกค้าเราก็เลยได้เลือกโต๊ะนั่งตามสบาย
เราเลือกที่จะนั่งด้านนอกตรงระเบียงด้านบนไม่ได้นั่งริมน้ำเพราะเอาแอชเชอร์มาด้วย บรรยากาศเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนให้เข้ามาที่ร้านได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงแจ๊สเพราะๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ไปจนถึงชิงช้า ทำให้ร้านกาแฟร้านนี้น่าเชิญชวนเลยทีเดียว แต่จะติดก็ตรงแต่เสียงรถที่ผ่านไปผ่านมาตรงถนนทำให้เสียบรรยากาศอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลครับถ้าคุณนั่งที่ริมแม่น้ำก็ไม่ได้ยินเสียงรถยนต์แล้วครับ ขอบอกว่าตรงริมแม่น้ำเนี่ยมันค่อนข้างสงบร่มเย็นมากๆ อ้อเตือนไว้สำหรับคนที่กลัวกิ้งกือ ถ้าฝนตกจะมีกิ้งกือออกมาเยี่ยมเยียนได้ครับ
ที่ร้านกาแฟ After the Rain นี้นอกจากคุณจะได้หลบหนีจากความวุ่นวายในตัวเมืองแล้ว ยังมีบริการเรือหางยาวฟรีให้พายเล่นรอบๆแปลงผักอีกด้วย ผมก็ไม่พลาดแน่นอนครับรีบหยิบพายและลงเรือเลย ตลอดทางก็จะมีต้นมะพร้าวล้อมรอบได้บรรยากาศของธรรมชาติดีครับ เมื่อผมพายเรือลึกเข้าไปก็รู้สึกถึงความสงบเงียบที่หาไม่ได้ในกรุงเทพ หลังจากพายไปได้สัก 15 นาทีผมก็เริ่มร้อนเลยขึ้นมานั่งด้านบน ถึงแม้จะร้อนไปนิดแต่ก็สนุกดีที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้โดยไม่ต้องไปไกลถึงชะอำหรือเขาใหญ่ เรือหางยาวนี้เป็นจุดขายของร้านกาแฟร้านนี้เลยแหละครับ
มาที่เมนูกันบ้าง
After the rain เสริฟอาหารเช้าทั่วๆไปและมีก็อาหารกลางวันด้วย ราคาก็ปานกลางไม่ถูกและแพงจนเกินไป
แต่ผมไม่ได้มาเพื่ออาหาร ผมมาเพื่อมาชิมกาแฟของที่นี่ว่าร้านนี้เป็นร้านแนวสายแข็งด้านกาแฟหรือแนวคาเฟ่ที่เน้นบรรยากาศ เท่าที่ผมเห็นในเมนูร้านนี้จะเสริฟแค่เอสเพรสโซอย่างเดียว ผมถามหากาแฟดริปแต่ไม่มี ผมก็เลยไม่ได้ถามว่าเมล็ดกาแฟจากที่ไหนหรือคั่วกาแฟแบบไหน ผมก็ไม่เห็นเครื่องทำด้วยล่ะ ผมมองดูเครื่องชงกาแฟของที่ร้านก็ไม่ได้มีอะไรที่แฟนซี ก็เลยรู้ว่าร้านนี้ไม่ใช่แนวร้านกาแฟแบบสายแข็ง ผมสั่งอเมริกาโนเพราะมันใกล้เคียงกับกาแฟดริปอยู่แต่เพื่อให้แน่ใจผมขอแบบที่ไม่ใส่นมและน้ำตาล
อเมริกาโนและลาเต้
อเมริกาโนและลาเต้จากร้าน After the Rain ก็ธรรมดาเหมือนร้านอื่นๆ แต่เมื่อคุณดื่มในขณะที่มันร้อนก็พอได้อยู่ ราคาอเมริกาโนที่ผมสั่งอยู่ที่ 45 บาทซึ่งเสริฟมากับน้ำตาล 1 ซองและไม่มีน้ำเสริฟมาด้วย ลีลาก็สั่งลาเต้ร้อนตามสไตล์ของเธอ ลาเต้ของที่ร้านนี้จะตกแต่งนมเป็นรูปหัวใจน่ารักๆ ลาเต้ไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่ประมาณเดียวกับอเมริกาโน After the Rain เป็นตัวอย่างของประสบการณ์ที่ผมมีกับร้านกาแฟที่เมืองไทยคือส่วนมากเป็นร้านกาแฟที่เน้นในเรื่องของบรรยากาศและขนมหวาน กาแฟของที่นี่เป็นแบบที่เน้นนมและน้ำตาล ร้านนี้ทำให้ผมคิดถึงทริปท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ที่ร้านกาแฟส่วนมากจะเน้นให้คนนั่งเล่นและถ่ายรูปมากกว่าเน้นไปที่กาแฟ
After the Rain คุ้มค่าที่จะไปมั้ย
ถ้าคุณไปร้านกาแฟเพื่อเอาบรรยากาศผมว่าร้านนี้เหมาะเลยนะ นั่งสบายได้อารณ์นอกเมือง ในเรื่องของกาแฟรสชาติค่อนข้างธรรมดา คุณสามารถหาดื่มได้ตามร้านอเมซอนทั่วไป บางทีอาหารของที่ร้านและเครื่องดื่มอย่างอื่นอาจเป็นจุดเด่นของร้านก็ได้ แต่ที่นี่คือ “Coffee.Simple. กาแฟโฮมเมด” แน่นอนว่าเราโฟกัสที่กาแฟครับ
เวลาเปิด-ปิด อังคาร-เสาร์ 8.30-18.30
ราคา 45-75 บาท
เว็บไซต์ร้าน : https://www.facebook.com/aftertherainshop/