การชงกาแฟแฮนเมดที่แท้จริง
นอกเหนือจากการชงกาแฟด้วยเทคนิค immersion (การแช่กาแฟลงในน้ำ ได้แก่ French press, cold brew)การชงกาแฟดริปนั้นเป็นวิธีที่ง่ายและไม่แพงซึ่งเหมาะกับผู้ที่อยากเริ่มต้นชงกาแฟสดที่บ้านเลยครับ แม้ว่าการชงกาแฟดริปจะไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่เราสามารถเล่นกับมันได้เพื่อให้รสชาติกาแฟออกมาสมบูรณ์ที่สุด จริงๆแล้วมีข้อมูลอยู่ค่อนข้างมากในเรื่องการสอนวิธีชงกาแฟดริป มีการโต้แย้งกันถึงวิธีการชง มีคลิปสอนในยูทูปและยังมีคนที่อุทิศตนในการเขียนบล็อกเกี่ยวกับศิลปะของการชงกาแฟดริปเพียงอย่างเดียวเท่านั้นด้วยครับ แต่คุณไม่ต้องตกใจกับข้อมูลมากมายเหล่านี้นะครับ สิ่งที่คุณต้องมีก็แค่เครื่องมือ 2 ชิ้นเท่านั้นก็สามารถชงกาแฟดริปให้อร่อยได้แล้วครับ

ดริปเปอร์ที่ผมแนะนำคืออันนี้ครับ จาก coffeeculture.asia ดริปเปอร์ราคาแค่ 249 บาท มันเป็นแบบเบสิคข้อดีของมันคือแตกยากครับ ดริปเปอร์นั้นมีอยู่หลายระดับตั้งแต่พลาสติก สเตนเลสไปจึงถึงเซรามิค แต่อันนี้ที่แนะนำก็เป็นดริปเปอร์ที่ใช้สำหรับเริ่มต้นได้ดี เมื่อคุณมีดริปเปอร์แล้วก็อย่าลืมซื้อกระดาษกรองด้วยครับ คุณหาซื้อได้ที่ Daiso ในราคาไม่แพงครับ หรือว่าจะสั่งซื้อทางออนไลน์ก็มีหลายร้านให้เลือกเยอะครับ
มาเริ่มต้นชงกาแฟกันเลย
- ดริปเปอร์ – เครื่องดริปที่เบสิคสุดๆแบบพลาสติกที่สามารถใส่กระดาษกรองและกาแฟได้ก็ถือว่าผ่านข้อนี้แล้วครับ
- กาน้ำร้อนหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้น้ำเดือดได้ – ไม่ต้องใช้อะไรเแพงเกินแค่เอาที่ต้มน้ำให้เดือดได้ก็พอแล้ว
- กาแฟบด – คุณจะใช้กาแฟที่บดสำเร็จรูปมาแล้วก็ได้แต่ผมแนะนำว่าให้ซื้อเมล็ดที่มีคุณภาพแล้วเอามาบดเองดีกว่า คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเลยเมื่อคุณบดกาแฟสดๆแล้วชงเลย กลิ่นมันจะหอมมากครับ ลองดูร้านกาแฟออนไลน์ที่ผมเลือกไว้ที่นี่เลยครับ
- กระดาษกรอง – ถ้าคุณซื้อดริปเปอร์แบบพลาสติกคุณต้องใช้กระดาษกรองเบอร์ 2 นะครับ
- แก้ว – การชงกาแฟแบบดริปคุณต้องการแก้วปากกว้างที่จะเอาดริปเปอร์มาวางทับข้างบนได้ ผมใช้โอกาสนี้ในการซื้อแก้วเจ๋งๆไปเลยครับ
อย่าลืมนะครับว่าอันนี้เป็นวิธีการแบบเบสิคนะครับ เมื่อคุณเรียนรู้เกี่ยวกับมันมากขึ้นและอินกับการชงกาแฟแล้ว คุณสามารถอัพเกรดเครื่องมือให้ดีขึ้นได้
ใส่กาแฟมากแค่ไหน?
ให้เริ่มที่อัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 175 มิลลิลิตร แต่ถ้าคุณมีเครื่องชั่งให้ใช้กาแฟ 1 กรัมต่อน้ำ 16 กรัม ดังนั้นถ้าคุณบดกาแฟไป 30 กรัมคุณก็ใส่น้ำ 480 กรัมนะครับ การใช้อัตราส่วนในการชงนั้นเพื่อที่คุณจะได้ปรับปริมาณของกาแฟได้ง่ายๆหากกาแฟอ่อนหรือเข้มเกินไปก็จะได้ปรับได้ง่ายนะครับ
การล้างกระดาษกรอง
ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องง่ายแต่อย่ามองข้ามนะครับเพราะมันสำคัญเลยทีเดียว การล้างนี้ใช้เวลาเพียงแค่สองสามนาทีเท่านั้นครับ โดยเริ่มจากเทน้ำเดือดลงไปในเครื่องชงผ่านกระดาษกรอง ปล่อยให้น้ำหยดผ่านกระดาษกรองอย่างช้าๆ ระหว่างนี้มันจะช่วยล้างเศษไฟเบอร์เล็กๆที่อยู่ตามร่อง ถ้าคุณไม่ล้างกาแฟของคุณจะเต็มไปด้วยเศษไฟเบอร์อย่างแน่นอน นอกจากนี้กระดาษกรองมันจะดูดซับเอาน้ำที่ล้างเอาไว้ดังนั้นเวลาที่เราใส่กาแฟลงไปกระดาษกรองมันจะไม่ดูดซับน้ำอีก ทำให้เราไม่สูญเสียน้ำกาแฟโดยใช่เหตุครับผลพลอยได้ของการทำขั้นตอนนี้คือมันทำให้แก้วร้อนซึ่งจะช่วยให้กาแฟของคุณร้อนนานขึ้นครับ หลังจากที่น้ำได้ไหลผ่านไปที่แก้วใส่แล้ว อย่าลืมเทน้ำออกจากแก้วด้วยนะครับ
ได้เวลาชงกาแฟแล้ว
คุณเอากระดาษกรองที่ล้างแล้วใส่ลงในในดริปเปอร์ จากนั้นวางดริปเปอร์ลงบนแก้วเปล่า ตอนนี้ก็ถึงเวลาตักกาแฟใส่ลงไปในกระดาษกรองแล้ว จากนั้นก็นำน้ำที่เพิ่งเดือดเสร็จออกจากเตาและรอ 10-15 วินาทีเพื่อให้อุณหภูมิลดเหลือประมาณ 96 องศาเซลเซียส
เทน้ำบางส่วนลงไปก่อนให้พอท่วมกาแฟจากนั้นรอ 30-40 วินาที ขั้นตอนนี้เราเรียกว่าการ Bloom กาแฟ ซึ่งเป็นการดึงคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากกาแฟ หลังจากที่กาแฟ Bloom แล้ว (ให้สังเกตว่าจะมีฟองลอยปุดๆอยู่และมีกลิ่นกาแฟออกมานะครับ) จากนั้นให้เทน้ำที่เหลือลงไป อย่าเทพรวดพลาดลงไปนะครับคุณจะต้องค่อยๆเทให้เหมือนกับเวลาที่น้ำหยดผ่านกระดาษกรอง มีเทคนิคอีกหลายๆอย่างในขั้นตอนการชงนี้ เช่น เทน้ำลงไปโดยวนเป็นวงกลม เทน้ำลงไปครึ่งหนึ่งก่อนแล้วคนให้ทั่ว หรือเทให้ตรงกับศูนย์กลางของเครื่อง แต่สำหรับการเริ่มต้นในการชงเอาง่ายๆคือเทน้ำลงไปอย่างช้าๆอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นครับ ระยะเวลาในการชงนั้นควรอยู่ที่ 2.30 – 4 นาทีครับ
ได้เวลาชื่นชมกับกาแฟของคุณแล้ว
ตอนนี้ได้เวลานำดริปเปอร์ออกจากแก้วแล้ว ให้เอาแก้วอีกใบหนึ่งมารองเผื่อมีน้ำหยดเหลือจากดริปเปอร์จะได้ไม่เสียของครับ ผมค่อยๆสูดกลิ่นที่อบอวลและความอุ่นที่ส่งผ่านแก้ว ค่อยๆจิบและลิ้มรสชาติกาแฟใช้ลิ้นสัมผัสว่ามันเข้มหรืออ่อนไปมั้ย กาแฟเปรี้ยวเกินไปมั้ย ถ้าเปรี้ยวไปครั้งหน้าก็ให้ลองเอากาแฟที่คั่วเข้มขึ้น ให้ดูว่าคุณชอบอะไรและไม่ชอบอะไรในแก้วนี้หลังจากนั้นก็ค่อยๆปรับจนได้รสชาติที่คุณพอใจ
อย่างที่ผมได้บอกไปว่ามันมีหลายวิธีในการปรับรสชาติกาแฟของคุณให้เพอร์เฟคตามที่คุณชอบ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้รสชาติกาแฟที่คุณชอบอีกก็ให้เปลี่ยนไปเรื่อยจนกว่าจะเจออันที่ใช่นะครับ